วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทัศนศึกษา @BACC

โปรแกรมพิเศษ สำหรับวันว่างๆของเหล่านิสิตคณะสถาปัตย์ฯ
เป็นโปรแกรมที่คั่นกลางระหว่างโปรแกรมที่ 5.3 กับ 6.1
วัตถุประสงค์ของการทัศนศึกษา คือ เพื่อเปิดโลกทัศน์
ฝึกกระบวนการวิเคราะห์ตามหลักทฤษฎีที่ได้เรียนมา และฝึกทักษะการนำเสนอข้อมูล

ผลงานที่ต้องการคือ ให้นิสิตได้ไปทัศนศึกษาด้วยตนเอง และเลือกวิเคราะห์
ชิ้นงานศิลปะคนละ 1ชิ้นโดยคณะอาจารย์จัดให้มีสถานที่ทัศนศึกษา 3 แห่งด้วยกัน คือ
1. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)
        : สถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ
2.ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC)
        : สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์
3.พิพิธภัณฑ์วีอาร์ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ (VR Muesum)
        : สถานีรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
โดยจะเลือกไปแห่งไหนก็ได้ หรือจะไปทั้งสามแห่งเลย
แต่เราและเพื่อนจำนวนหนึ่ง ไปแค่ที่เดียวคือ หอศิลป์ฯ เพราะใกล้สยาม ทำงานเสร็จ
ก็เที่ยวต่อเลย 555


 ผลงานศิลปะเราเลือกเป็นผลงานที่ไม่มีชื่อถูกจัดแสดงอยู่ในนิทรรศการลีลาของลายใหม่
เป็นผลงานของ คุณชูศักดิ์ ศรีขวัญ ใช้เทคนิคการสลักหนัง หรือเรียกโดยทั่วไปว่าเป็น
หนังตะลุง การจัดแสดงผลงานนี้จัดแสดงโดยใช้วิธีการแขวนหนังตะลุงจากเพดานสูง
และใช้ผนังสีขาวเป็นพื้นหลังของผลงาน ทำให้ผลงานมีลักษณะที่ลอยตัวผลงานจึงมีความ
โดดเด่นสะดุดสายตาผู้เข้าร่วมชมนิทรรศการ

   

    การจัดองค์ประกอบผลงานเป็นการจัดองค์ประกอบดุลยภาพแบบอสมมาตร
เนื่องด้วยผลงานเป็นลักษณะหลายชิ้นส่วนมาจัดวางร่วมกัน การจัดองค์ประกอบของ
งานจึงต้องทำให้ภาพรวมดูมีความน่าสนใจและแต่ละชิ้นส่วนมีความโดดเด่นเท่าๆกัน
การเลือกใช้สีเป็นการใช้โครงสีแบบสี่สี (Double Complementtary) คือสีแดง
สีเขียว สีส้มและสีน้ำเงินแต่จะเน้นไปที่การใช้สีแดง สีเขียวและสีส้ม ส่วนสีน้ำเงินนั้น
มีเพียงบางจุดเท่านั้น นอกจาก4สีดังกล่าวยังมี สีขาวละสีดำ ซึ่งเป็นลักษณะโดย
ทั่วไปของหนังตะลุง รูปร่างลักษณะของผลงานเป็นหนังตะลุงที่มีลักษณะดั้งเดิม
มาจากศิลปวัฒนธรรมของภาคใต้ แต่ตัวละครที่จัดแสดงจะถูกออกแบบขึ้นมาใหม่
ไม่มีชื่อตัวละคร แต่มีลักษณะประจำตัวที่โดดเด่น เพราะนำเอาเหตุการณ์ปัจจุบัน
มาใช้เป็นประเด็นในการออกแบบการจัดวางผลงานแต่ละชิ้นที่นำมาจัดวางให้
มีระนาบที่แตกต่างไม่สม่ำเสมอกันทำให้ชิ้นงานแต่ละชิ้นมีความโดดเด่น และ
ด้วยเทคนิคการสลักหนัง ทำให้แสงที่เกิดจากตัวผลงานมีลวดลายที่สวยงาม

 

   การที่เราได้มาทัศนศึกษาที่หอศิลป์ และได้เข้าชมนิทรรศการลีลาของลายใหม่ 
ทำให้เราเกิดความประทับใจในศิลปวัฒนธรรมของภาคใต้ โดยเฉพาะผลงานชิ้นนี้ 
ที่ทำให้เราได้เห็นถึงความสำคัญของการจัดองค์ประกอบของผลงาน

Program 6.2 :: รุปทรงและที่ว่างแห่งอริยบท

โปรแกรมที่ 6.2 เป็นงานต่อเนื่องจากโปรแกรมที่ 6.1
วัตถุประสงค์พื่อประมวลความรู้ทั้งหมดที่ได้เรียนมา ฝึกฝนกระบวนการวิเคราะห์
และทดลอง เพื่อสร้างสรรค์รูปทรงและที่ว่าง

คำสั่ง ให้นิสิตนำผลงานจากโปรแกรม 6.1 มาพัฒนาสร้างเป็นรูปทรงและที่ว่าง
สามมิติ เพื่อรองรับการใช้งานของมนุษย์จำนวน 1 คน ซึ่งสามารถใช้สอยที่ว่าง
ภายในของรูปทรงนั้นด้วยกิริยาท่าทางอย่างน้อย 1 อิริยาบถ ข้อกำหนดเดียวกับ
โปรแกรม 6.1 จัดทำ ตามขนาดของวัสดุจริง ย่อขนาดของมนุษย์ลงมาใน
อัตราส่วน 1:5 และจัดทำแบบ (Plate) เพื่อนำเสนอผลงาน 2 แผ่น
Plate แสดงการศึกษาพัฒนาแบบตั้งแต่ Program6.1
Plateแสดง ModelStudyครั้งสุดท้ายและSKD FinalProject
   ผลงานนี้เป็นเป็นผลงานต่อเนื่องจากโปรแกรม 6.1 ที่ทางเรานำมาพัฒนา
ปรับปรุงข้อเสียของงานที่ผ่านมา เราพบว่าเมื่อยิ่งต่อโครงสร้างที่ใหญ่มากขึ้นเพียงใด
วัสดุจะไม่สามารถรับน้ำหนักของทั้งหมดได้ เราจึงพยายามคิดและหาวิธีแก้ไขปัญหานี้
แล้วได้ค้นพบว่า หากมีโครงสร้างหลักที่แข็งแรงกว่านี้ ผลงานก็จะสามารถคงรูปอยู่ได้
ด้วยตัวของมันเอง เนื่องด้วยไม้จิ้มฟันผลิตจากไม้ไผ่ไม้เสียบอาหารก็เช่นกัน เราจึงนำ
ไม้เสียบอาหารมาใช้ในการพัฒนาแบบครั้งสุดท้ายก่อนทำงานจริง เรานำไม้เสียบ
อาหารมาเหล่าปลาย และได้เป็น Unit Form 2 ขนาด คือขนาดใหญ่กับขนาดเล็ก
โดยให้ขนาดใหญ่เป็นโครงสร้างหลัก ผลงานมีความแข็งแรงและสามารถคงรูปอยู่ได้
ด้วยตัวของมันเอง แต่ด้วยขนาดที่ต่างกันเกิดไปทำให้ผลงานคงรูปได้ไม่นาน
   ทางผู้จัดทำจึงลงความเห็นกันว่าน่าจะขนาดกลางเพิ่มเข้ามา ทำให้เกิดเป็น
Unit Form 3 ขนาด คือ เล็ก กลาง ใหญ่ แล้วนำมาขึ้นโครงสร้าง โดยให้
ขนาดใหญ่เป็นโครงสร้างหลักเช่นเคย เสริมความแข็งแรงด้วยขนาดกลางตกแต่งและ
ต่อเติมด้วยขนาดเล็กและได้ค้นพบว่าโครงสร้างสามารถอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง
ตามหลักที่ทางเราได้วางไว้ 

 
แต่ปัญหาเก่าที่เคยเกิดขึ้นก็กลับมาเมื่อต้องมีการเคลื่อนย้ายผลงานมาส่งผลงานไม่
สามารถเคลื่อนที่ได้ เพราะการเชื่อมต่อกันนั้นไม่มั่งคงมากพอ ทางคณะผู้จัดทำ
จึงจำเป็นต้องประสานต่อแต่ละชิ้นด้วยกาว มิฉะนั้นผลงานจะไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
 
เมื่อตรวจงาน ได้รับคำวิจารณ์จากคณะอาจารย์มากมาย ทางคณะอาจารย์ได้แนะนำ
ว่าผลงานมีความน่าสนใจ ทั้งในเรื่องของการคัดเลือกวัสดุ และเทคนิคการประสานต่อ
ที่เรานำมาใช้ แต่หากเราไม่ใช่กาวในผลงานนี้ งานจะมีความน่าสนใจมากกว่านี้
อาจจะเชื่อมต่อกันด้วยเชือกหรือด้าย เพื่อนให้เกิดเป็น Unit Form แม้อาจจะต้อง
ใช้เวลานานแต่ก็คุ้มค่าที่จะสร้างสรรค์ผลงานออกมา โครงสร้างอาจมีความแข็งแรง
เช่นกัน และสามารถทำได้ หากดูจากบ้านเรือนไทยสมัยเก่า ที่เป็น เรือนเครื่องผูก

   ผลที่ได้รับจากการทำงานครั้งนี้ ได้รับประสบการณ์มากมายหลายเรื่องทั้งเรื่องของการ
ทำงานร่วมกับผู้อื่น การออกแบบและการนำเสนอ การที่เราได้พบกับอุปสรรคมากมายใน
การทำงาน ทำให้เราเป็นคนมีความคิดที่จะแก้ไขและพัฒนาข้อผิดพลาดของเราต่อไปเป็น
บทเรียนที่มีค่ามากในการเรียน แม้จะพบเจอกับปัญหามากมายจากการทำงานแต่เราก็จะ
สามารถผ่านมันไปได้ :-)

Program 6.1 :: รุปทรงและที่ว่างแห่งอริยบท

ปรแกรมที่ 6.1 เป็นงานที่ทำคู่
เราได้ทำงานคู่กับ "เม่น"  หรือ  " อภิชญา วงศ์ณิชชากุล "

วัตถุประสงค์ เพื่อประมวลความรู้ทั้งหมดที่ได้เรียนมา ฝึกฝนกระบวนการ
วิเคราะห์และทดลอง เพื่อสร้างสรรค์รูปทรงและที่ว่าง

คำสั่ง ให้นิสิตเลือกวัสดุอย่างน้อย 2 ชนิด เพื่อศึกษาและทดลองถึงคุณสมบัติ
(ศักยภาพและข้อจำกัด) เพื่อที่จะใช้เป็นวัสดุหลักในการสร้างรูปทรงและที่ว่างสามมิติ
(ที่สามารถคงรูปได้) โดยใช้เทคนิควิธีการใรการขึ้นรูปทรง และที่ว่างอย่างน้อย2เทคนิค
แล้วเลือกวัสดุ 1 ชนิดที่ได้ศึกษาและทดลองแล้ว เป็นวัสดุหลักในการพัฒนาสร้างสรรค์
ให้เกิดเป็นรุปทรงและที่ว่างสามมิติ โดยสามารถใช้วัสดุอื่นๆในการประสานรอยต่อ
และเป็นองค์ประกอบย่อยของรูปทรงได้ แต่จะต้องมีวัสดุหลักไม่น้อยกว่าร้อยละ 70
ให้นิสิตจัดทำผลงานสามมิติมาตราส่วน 1:1 ในปริมาตรไม่น้อยกว่า 1
ลูกบาศก์ฟุต 
เพื่อแสดงรายละเอียด ของการประสานรอยต่อวัสดุ
และการขึ้นรูปทรง

 
 วัสดุที่เราสอง2เลือกใช้ คือ
1.กระดาษปกพลาสติกใส และ 2.ไม้จิ้มฟัน
    วัสดุแรก 'กระดาษปกพลาสติกใส' ที่เราไม่เลือกนำมาพัฒนาแบบต่อเพราะขนาด
 ของปกพลาสติก ไม่มีขนาดที่แน่นอน สามารถตัดได้ตามใจชอบหรือลักษณะไหนก็ได้
 แต่วัสดุที่สองหรือ'ไม้จิ้มฟัน'นั้นมีขนาดที่คงที่และเป็นมาตราฐานจึงได้นำไม้จิ้มฟัน
 มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าต่อ ได้ทดลองขึ้นรูปไม้จิ้นฟันด้วยวิธีต่างๆเช่น นำมาต่อเป็น
 'รูปทรงพีระมิดฐานสามเหลี่ยม' โดยใช้กาวเชื่อมประสาน หรือ 'เชื่อมต่อกันด้วย
 โฟมบอร์ด' แต่ไม่สามารถก่อตัวเป็นโครงสร้างที่แข็งแรงได้หรือนำ'ไม้มาผ่าครึ่งตาม
 แนวยาว' แล้วใช้เล็บจิกให้เป็นโค้งๆ เชื่อมด้วยโฟมบอร์ดแต่ก็ไม่สามารถขึ้นรูปเป็น
 รูปทรงสามมิติได้ จนมาสิ้นสุดที่วิธีการสร้าง 'Unit Form'ขึ้นมาก่อน เพราะไม้จิ้มฟันเดี่ยวๆ
 ไม่สามารถขึ้นรูปได้โดยการน้ำไมจิ้มฟัน 3 อันมาประกบกันได้เป็น 1 ส่วนประกอบ
 แล้วนำส่วนประกอบที่คล้ายกันนั้น มาขัดกันเชื่อมส่วนประกอบแต่ละชิ้นด้วยกาว
 จะได้เป็น 1 Unit บริเวณปลายของ UnitForm แต่ละชิ้นจะมีช่องว่าง ซึ่งช่องว่างแต่ละอันนั้น
สามารถนำมาเสียบหรือขัดกันต่อไปเรื่อยๆจะเกิดเป็นโครงสร้างได้ 
 
ในการทำงานย่อมมีอุปสรรคเสมอ ขั้นแรกที่เราร่วมกันทำ model study
เราทำในขนาดที่เล็กทำให้โครงสร้างของไม้จิ้มฟันสามารถคงตัวอยู่ได้ แต่เมื่อยิ่งต้องการ
โครงสร้างที่ใหญ่ขึ้นโครงสร้างของมันจะไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ในการต่อโครงสร้าง
จึงสามารถต่อแผ่ออกไปในแนวราบ ได้ดีกว่าต่อสูงขึ้นไปสาเหตุที่เลือกการขัดกันเป็น
รูปสามเหลี่ยมเพราะรูปสามแหลี่ยมมีความจบในตัวของมันเองและมีความแข็งแรงที่สุด
เมื่อได้ทดลองทำในหลายรูปแบบมาแล้ว

จากการส่งผลงานครั้งสุดท้าย เราได้ทำการต่อขึ้นรูปอย่างไร้ระเบียบ 
ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน ทำให้ผลงานมีความยุ่งเหยิง ไม่มีความเป็บระเบียบอยู่เลย
นอกจากนั้น ยังต้องใช้กาวในการเชื่อมต่อแต่ละชิ้นส่วนด้วย เนื่องจากโครงสร้าง
มีขนาดใหญ่ จึงไม่แข็งแรงและอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง ทางเราได้ลองเชื่อมต่อ
กันด้วยวิธีอื่นแล้ว เช่นใช้ด้ายผูก แต่พบว่าเสียเวลาเป็นอย่างมาก  จึงทำได้ยาก
เพราะเนื่องจากเวลาที่เราจะนำไม่จิ้มฟันมาขัดกันการเว้นปลายที่เหลือไว้ จะต้องมี
ระยะที่เท่ากัน จึงสามารถต่อกันได้พอดี ทางเราเลยเลือกใช้กาวให้การทำผลงาน

จากการที่ได้รับคำวิจารณ์จากคณะอาจารย์ ทางคณะอาจารย์พบว่าผลงานมี
ความน่าสนใจแต่น่าจะลองหาวิธีขึ้นรูปด้วยวิธีหรือวัสดุอื่นที่ไม่ใช่กาว
จะทำให้ผลงานมีความน่าสนใจมากกว่านี้
งานนี้ เหนื่อยมากเลย ต่อแล้วล้มๆ ทำไปเริ่มท้อ บางครั้งท้อคนเดียว
บางทีท้อทั้งคู่ แต่ก็ผ่านมันไปได้ ใช่มั้ย? 55555


MY PARTNER IN THIS FINAL PROJECT : 
อภิชญา วงศ์ณิชชากุล  (เม่น)

Program 5.3 :: Symbolic Meaning / Three-Dimensional Space / Environment

การสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์ / ที่ว่างสามมิติ / สภาพแวดล้อม
งานนี้เป็นงานต่อเนื่องจากโปรแกรม 5.1 และ โปรแกรม 5.2

วัตถุประสงค์ เพื่อให้นิสิตแสดงความคิดสร้างสรรค์ และฝึกทักษะการสื่อความหมาย
ผ่านงาน 3 มิติ จากการศึกษารูปทรงธรรมชาติ และรูปทรงเปิด โดยใช้เทคนิค
ของการจัดองค์ประกอบของรูปทรงที่ว่าง และความสัมพันธ์แบบองค์รวม
ระหว่างองค์ประกอบต่างๆ
และเพื่อให้นิสิตฝึกฝนทักษะการออกแบบที่ว่าง จากการศึกษาวิเคราห์
รูปทรงธรรมชาติและรูปทรงเปิด

คำสั่ง การสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์ / ที่ว่าง 3 มิติ / สภาพแวดล้อม
(Symbolic Meaning/ 3-Dimension / Environment)
ให้นิสิตออกแบบที่ว่าง 3 มิติจากการนำหุ่นจำลองใบงานที่ 5.1 และ 5.2
มาพัฒนาให้สื่อถึงความลื่นไหล มีชีวิตชีวา(Flow of space)
การเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง(Mobility) มีพลวัต (Dynamic) พร้อมกำหนด
สภาพแวดล้อม ภายในอาคารและภูมิทัศน์รอบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์



ผลงานนี้ออกแบบโดยดึง ลักษณะเด่นของเต่าตนุ ทั้งตัวกระดองเต่า
'ลายของกระดอง' ที่มีความแตกต่างจากลักษณะลายกระดองของเต่าชนิดอื่น
และลักษณะพิเศษของเต่าทะล ที่มี'ขาหน้า'เป็นครีบคล้ายใบพาย
เจาะช่องขาหน้า ให้เป็นลายของเกล็ดเต่า :)
การจัดวางของผลงานจัดวางให้มีลักษณะเหมือนเป็นโครงสร้าง
แสดงท่าทางการไหว้น้ำของเต่าตนุ

 

ความสูงของโครงสร้างนั้นมีความสูงประมาณ 1.8 เมตร
และมีความกว้างประมาณ 2.5 เมตร การจัดวาง และการออกแบบ
คำนึงถึงพื้นที่ว่างสามมิติ ทำให้เกิดการใช้งานได้หลากหลาย
แล้วแต่จะเลือกใช้งาน สามารถนั่งบนครีบ ได่หรือสามารถนั่งพิงได้
หรือสามารถเลือกใช้งานได้หลายรูปแบบ


ผลงานชิ้นนี้ ทำเต็มที่ แต่ลืมอ่านใบโปรแกรมว่าส่งกี่โมง
ทำมาแค่โมเดล กะจะมาทำ SKD ที่คณะ ได้เวลา 9โมงที่ส่ง
วิ่งไปส่งแทบไม่ทัน SKD ก็ไม่เสร็จ รู้สึกแย่มากๆเลย
คำแนะนำที่ได้รับจากอาจารย์เยอะมากเลยทีเดียว
การพัฒนางานของผลงานนี้มีเยอะมาก ทำ model study ส่งไปประมาณ
3-4 รอบ แก้และพัฒนามาเรื่อยๆจนออกมาเป็นผลงานที่เสร็จสมบูรณ์นี้
วัสดุที่เลือกใช้ก็ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ประจำกลุ่ม ต้องขอบคุณอาจารย์ศรุต
มากๆเลยที่คอยให้คำปรึกษาตลอดการทำงานโปรแกรมต่อเนื่องนี้ :)

Program 5.2 :: Meaning / Open Form / Lighting

การสื่อความหมาย / รูปทรงเปิด / แสงสว่าง
งานนี้เป็นงานต่อเนื่องจากการศึกษาสิ่งมีชีวิตจาก โปรแกรม 5.1

วัตถุประสงค์ เพื่อให้นิสิตมีความคิดสร้างสรรค์ และฝึกทักษะการสื่อความหมาย
ผ่านงาน 3 มิติ จากการศึกษารูปทรงธรรมชาติ และรูปทรงเปิด โดยใช้เทคนิค
ของการจัดองค์ประกอบของรูปทรง ที่ว่าง และความสัมพันธ์แบบองค์รวมระหว่าง
องค์ประกอบต่างๆ
     และเพื่อให้นิสิตได้ฝึกฝนทักษะของการออกแบบที่ว่าง
จากการศึกษาวิเคราะห์รูปทรงธรรมชาติ และรูปทรงเปิด
ผลงานการออกแบบรูปทรงเปิด เต่าตนุ การออกแบบใช้ลักษณะเด่นของเต่า
นั่นก็คือกระดองเต่า และความเป็นระเบียบของเกล็ดบริเวณบ้านบนของกระดอง
และบริเวณเกล็ดด้านข้างที่เต่าตนุต่างจากเต่าชนิดอื่น
ส่วนบริเวณด้านในมีโครงกระดูกของเต่า ที่เจาะเป็นช่องแสงให้เกิด
เป็นเงาตกกระทบของแสง แสงเงาที่เกินขึ้นจะได้มีความสวยงามเพิ่มขึ้น
ส่วนบริเวณด้านนอกสุด จะเป็นลักษณะของเส้นที่โยงใย แต่ไม่แข็งกระด้าง
สื่อให้เห็นถึงความอ่อนของท้องเต่า ที่มีความแตกต่างจากด้านบนหรือกระดอกเต่า
ติดตั้งผลงานโดยการแขวน ตัวสายที่แขวนจะอยู่บริเวณกลางตัวของเต่าแต่จะ
ค่อนไปด้านหน้า เป็นเรื่องของการถ่วงน้ำหนัก ทำให้ลักษณะของกระดอง
จะอยู่ไม่ขนานพื้นคล้ายกับว่าเต่ากำลังเคลื่อนที่ หรือว่ายอยู่ในน้ำนั่นเอง

     ผลงานโคมไฟนี้ ทำยากมากแก้แบบตั้งหลายครั้ง
กว่าจะออกมาเป็นผลงานสำเร็จรุปนี้
โดนอาจารย์ดุด้วย เรื่องการทำ model study
พวกกลุ่มเราไม่ยอมทำมา T^TT
จริงอย่างที่อาจารย์ว่า ว่าถ้าไม่ลองทำก็จะไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว
งานของเราสามารถทำได้จริงตามอย่างที่เราคิกหรือไม่
เป็นงานโมเดลสำเร็จรูปชิ้นแรกของการเรียนวิชานี้
รู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก ได้รับคำติชมจากอาจารย์มาเยอะเลย
จากการทำงานชิ้นนี้  :)

Program 5.1 :: Natural Form/Meaning & Technique

รูปทรงธรรมชาติ / ความหมายและเทคนิคการสื่อความหมาย

วัตถุประสงค์ เพื่อให้นิสิตมีความเข้าใจในความสัมพันธ์ ข้อแตกต่าง
และประสิทธิภาพ ระหว่างรูปทรงธรรมชาติกับรูปทรงที่มนุษย์สร้างขึ้น
แสดงความคิดสร้างสรรค์ และฝึกทักษะการสื่อความหมาย จากการ
ศึกษารูปทรงธรรมชาติ โดยใช้เทคนิคของการจัดองค์ประกอบของรูปทรง
ปละความสัมพันธ์แบบองค์รวมระหว่างองค์ประกอบต่างๆ

      จากการศึกษาสิ่งมาชีวิต เราเลือกศึกษา "เต่าตนุ"
เพราะเต่าตนุเป็นสัตว์ทะเลที่จุดเด่น และมีความน่าสนใจในรายละเอียดปลีกย่อย
เต่าตนุ หรือเต่าแสงอาทิตย์
       เต่าตนุ หรือ เต่าแสงอาทิตย์ อาศัยอยู่ในทะเล และจะขึ้นมาวางไข่ช่วงเดือน
ตุลาคมลักษณะเด่นองเต่าอยู่ที่บริเวณกระดองเต่า เต่าตนุจะมีลายกระดองที่
ไม่เหมือนใครเพราะลายของกระดองจะมีลักษณะเป็นเฉกรัศมี คล้ายลักษณะของรัศมี
ดวงอาทิตย์จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า เต่าแสดงอาทิตย์ ส่วนชาวประมงมักเรียกเต่าตนุว่า
เต่าเขียว เรามักพบเต่าบริเวณแนวประการัง
      ลักษณะโดยทั่วไป ขาหน้าของเต่าตนุ จะมีลักษณะเป็นตรีบคล้ายใบพาย
สำหรับว่ายน้ำและเดินขึ้นฝั่ง ขาหลังสั้น ปากงุ้มไม่เป็นจงอยแหลม ขอบกระดองเรียบ
จากการศึกษาสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ทำให้เราได้เห็นถึงจุดเด่นของมัน
นั่นก็คือ 'กระดองเต่า' ซึ่งมีความเป็นระเบียบอยู่ในตัวมันเอง
ทำให้เราสามารถนำมาลดทอนได้ออกมาใน MODEL 1
MODEL 1
  ส่วนลักษณะเด่นของเต่าอยู่ที่โครงสร้างภายใน
นั่นก็คือ 'โครงกระดูกเต่าตนุ' ซึ่งสามารถนำมาลดทอนรายละเอียด
และถ่ายทอดออกมาใน MODEL 2
MODEL 2
  จากการศึกษาก็ได้นำมาสรุป วิเคราะห์รูปร่างรูปทรง 
เส้นสายของสิ่งมีชีวิต ด้วยลายเส้นขาว-ดำ
SKD เต่าตนุ
    งานนี้ทำเอาเราปวดหัวมาก แต่ก็ดีนะ
ทำให้เราได้รู้จักและศึกษาสิ่งมีชีวิตนี้อย่างลึกซึ้ง
ตอนที่ทำงานนี้เดินไปไหนมาไหน
ก็คิดถึงแต่เต่าตนุ :-D  ประสาทจะกิน 55555

Program 3.2 :: Color & Modern Art

วัตถุประสงค์ เพื่อให้นิสิตเข้าใจในเรื่องทฤษฎีสี การสร้างงานศิลปะยุดสมัยต่างๆ
ของศิลปะสมัยใหม่ (Modern Art) และสามารถสื่อความหมายเป็นผลงาน
ศิลปะ 2 มิติได้
สถาปนิกต้นแบบ Antonio Gaudi
Casa Mila
ผลงานชิ้นที่ 1  นำเสนอผลงานโดยศิลปะแบบ IMPRESSIONISM
IMPRESSIONISM
ผลงานชิ้นที่ 2  นำเสนอผลงานโดยศิลปะแบบ CUBISM
CUBISM
ผลงานทั้งสองนี้ก็มีความภูมิใจอ่ะ ได้ B ทั้งสองงานเลย
:) เกรดดีๆ ได้จากการลงสีทั้งนั้นเลยสินะะ :D

Program 3.1 :: The Meaning of Nature's Colors

สีของสรรพสิ่งในธรรมชาติ 

วัตถุประสงค์ เพื่อให้นิสิตเข้าใจในเรื่องทฤษฎีสี เทคนิคน้ำหนักความสว่างของสี
เทคนิคการลากความสดของสี และโครงสี พร้อมทั้งฝึกทักษะในการใช้สี 
และรู้จักประยุกต์ใช้สีที่มีในธรรมชาติมาใช้ในการออกแบบ

แนวความคิด ทุ่งดอกไม้บา

ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่เกิดจากแนวความคิด ทุ่งดอกไม้บาน
ใช้หลักทฤษฎีสี โครงสีแบบสีคู่ตรงข้าม คือสีแดง กับ สีเขียว
เทคนิค การลดความสว่างของสี
การจัดองค์ประกอบของภาพๆนี้เป็นการจัดองค์ประกอบแบบอสมสมาตร
ภาพที่แสดงออกมาเป็นภาพดอกไม้ที่มีขนาดต่างๆกัน วิธีการจัดเรียงกัน
และสีที่แตกต่างกัน นำมาจากหลักของธรรมชาติ

ผลงานชิ้นนี้ภูมิใจมากกก  ได้ A ด้วยย A งานแรก
มีความสุขมากกก :)
แต่งานนี้มาพร้อมกับงาน wood con มัวแต่มาทำงานนี้
แบ่งเวลาไม่เป็น งาน wood con งานนั้นเลยได้ F เพราะงานไม่เสร็จ Y_Y